วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เราเป็นเด็กแต่ก็ควรที่จะรู้!!!

สถานที่เที่ยวที่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง!!!!

Mount Roraima-South america

จากคนเลวๆคนหนึ่ง !!! (เข้ามาอ่านกันเยอะๆเลยนะครับ)

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาขอเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่อิงนิยายและมิได้มโนขึ้นมาเอง และผมก็อยากให้ทุกๆคนอ่านและนำกลับไปคิด... ในสมัย ม.ต้น ผมมักจะเป็นคนที่นิสัยก้าวร้าว หัวรุนแรง และที่สำคัญเรื่องชกต่อยเป็นเรื่องธรรมดาที่ชินไปสำหรับผมแล้ว ตอนนั้นสมัยเริ่มตั้งกลุ่มแก๊งตามประสา ผช. ผมก็เข้าร่วมกับเขาด้วย แต่ไม่ใช่ชอบพาลหาเรื่องอย่างนี้นะครับ หมายถึงว่าแค่เข้าร่วมเฉยๆแต่ไม่ได้ไปร่วมก่อเรื่อง แต่ถ้าใครมาหยามหรือมาท้า ผมก็ไม่ปล่อยและก็จะตามมาด้วยปัญหาที่ผมสร้างไว้ให้กับตัวเองเสมอ ในห้องเรียนผมไม่เคยแทบแม้ที่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ คิดไว้แค่เรียนๆไปให้มันจบๆ ทั้งโดดทั้งไม่มาสายสารพัด แล้วเวลาผลสอบที่ออกมาก็ไม่ได้น่าชื่นชมนัก หาเลข 4 แทบไม่เจอ เจอก็อยู่กับวิชาพื้นๆเอามากๆก็พวกสุขศึกษา ศิลปะ และอื่นๆ ยิ่งวิท คณิต อย่าให้ผมพูดเลย แด_กไข่เป็นว่าเล่น แก้กันแทบไม่ทัน ยิ่งตอนประชุมผู้ปกครองผมและเพื่อนๆในกลุ่มก็มักจะอยู่ในแบล็กลิชที่เขาหมายหัวไว้ในระดับท๊อป แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกนะ (ตอนนั้น) แบบครูที่ รร.ไม่มีใครแทบที่จะไม่รู้จักผมและกลุ่มเพื่อนๆผมเลย แบบจะมีกลุ่มผมของม.ต้นกับของพี่ ม.ปลาย2กลุ่มแบบจะใหญ่ที่สุด(ในด้านไม่ดี) แต่เรื่องที่เด่นที่สุดที่ผมมักเป็นแนวหน้าเสมอนอกจากเรื่องเกเรแล้วก็เรื่องกีฬาที่ผมมักถูก อ.บังคับให้ลง อย่างพวกบาสหรือฟุตบอล เรื่องเครื่องดื่มมึนเมาหรือบุหรี่เองก็ไม่พ้นผมหรอก ตอนนั้นฮิตมากๆในกลุ่มก็เป็นบุหรี่ แต่ผมไม่ค่อยได้สูบมากเหมือนเพื่อนๆคือมันค่อนข้างแหยงๆไงไม่รู้นะ สำหรับผมเอง (คือตามเพื่อนด้วย)เคยมีหลายครั้งผมมักไม่กลับ้านเพราะติดเพื่อน แบบอยู่สังสรรค์กัน แต่ถ้าสิ่งเสพติดที่ผมเคยลองมีอย่างเดียวคือกัญชา และเรื่องที่ผมเก่งคือเถียงครับ ถ้าใครพูดไม่พอใจผมแล้วผมก็จะเถียงและใช้คำด่าสารพัด ทั้งเพื่อน ผญ.เองก็ด้วย โดยเฉพาะพวกแม่ค้า(แต่ผมไม่นิยมความรุนแรงกับเพศแม่นะ) แบบคือผมเป็นคนหน้าตากวนเท้าบวกกับนิสัย จึงทำให้ผมค่อนข้างอยู่ร่วมโลกกับพวกแม่ค้าพ่อค้าแทบไม่ได้ (หมั่นไส้อ่ะครับ) จนวันนึงทุกอย่างในรอบตัวทำให้ผมเปลี่ยนไป (คือปรับเป็นคนดีน่ะครับ) วันนั้นผมกลับบ้านค่อนข้างเย็นเอามากๆ ประมาณ 2ทุ่ม ถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่มีใครอยู่เลย ฟงไฟก็ไม่เปิด...ผมก็สงสัย เลยไปถามป้า (ญาติ) ว่าแม่ไปไหน เค้าบอกแม่มึ_งอยู่โรงบาล แล้วก็สารพัดคำด่าตั้งแต่ขึ้นรถยันถึงห้องผู้ป่วย เค้าบอกที่แม่ผมต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะผม ผมเกเร ผมดื้อ ผมเถียง ผมไม่เรียน เขาบอกแม่ไม่สบายพึ่งเป็นมาได้สักพัก ทันทีที่ผมเจอแม่(หลับอยู่น่ะครับ) แม่ผมโทรมมาก ใบหน้าที่เคยสวยสดใสของแม่ผมดูตอบ ผิวขาวซีดเหมือนคนไม่มีเลือดมาเลี้ยง ผมเห็นแบบนั้นถึงกับน้ำตาลูกผู้ชายร่วง ผมทำกับแม่ที่คอยดูแลผมทุกอย่าง เลี้ยงดูตั้งแต่ผมเล็กๆ ยอมเหนื่อยยอมลำบบากเพื่อให้ผมได้เรียน แต่ผมกลับตอบแทนพระคุณแม่แบบนั้น ตอนนั้นผมเกลียดและเจ็บใจตัวเองมาก และคำพูดที่ผมจำฝังใจมากถึงทุกวันนี้ตอนที่แม่ฟื้น "เรียนเสร็จแล้วหรอลูก เป็นไงบ้างที่โรงเรียน สบายดีใช่ไหม ไปต่อยกับใครมารึป่าว" จนทุกวันหลังเลิกเรียนผมก็จะไปเยี่ยมแม่และคอยดูแลแบบเข้าๆออกๆเหมือนบ้านหลังที่สอง และเคยมีปาฏิหารครั้งนึงที่น้อยนักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย (ไม่ขอเอ่ยว่าเป็นโรคอะไรนะครับ) ตอนนั้นเย็นวันอังคาร ผมก็นั่งข้างๆดูทีวีกับแม่ จู่ๆแม่ผมไม่หายใจ หมอช่วยวิธีไหนหัวใจก็ไม่เต้น ผมร้องไห้หนักเท่าที่ผมจะเคยร้องไห้มา ในชีวิตที่ผมเกิดมาผมมีแค่แม่ผมคนเดียว พ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็กๆ มีแค่แม่กับป้า ผมวิงวอนถึงสิ่งศักสิทธิ์ต่างๆก็ไม่ได้ผล ตอนนั้นเหมือนรู้ตัวเลยว่าผมจะต้องไม่มีแม่แน่ๆผมทั้งเขย่าตัวแม่ ทั้งเรียก ทั้งตะโกน แม่ก็ไม่ตอบผม จนประมาณตี4 หมอเขาเดินมาหาผม เขาบอกแม่ผมฟื้นแล้ว เขาดีใจกับผมและผมก็ดีใจ หมอเขาบอกว่าจะหาได้น้อยมากนักในผู้ป่วยแบบนี้ จนทุกวันี้เรื่องชกต่อยผมไม่มีเลย เรื่องเรียนผมคว้ารางวัลต่างๆมามากมาย โดยเฉพาะวิชาที่ไม่น่าเชื่อคือวิท คณิต และอังกฤษ (ตบมือให้ผมหน่อยยย) ผมได้เป็นตัวแทนไปแข่งงานวิชาการมากมาย เรื่องกีฬาเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ลงแล้ว และเรื่องการพูดจาผมดีขึ้นไม่เถียงแม่เลย (คือผมฟังแม่อย่างเดียว อาจจะมีขัดใจบ้างแต่ผมไม่คิดแม่แต่จะเถียง) เชื่อไหมครับว่า สมัย ม.ต้น ผมได้เกรดมากที่สุดเท่าที่ผมได้คือ 1.68 แต่ตอนนี้ ม.ปลาย มากที่สุดในความสามารถของผมคือ 3.93 และอนาคตผมที่จะเป็นคือ "หมอ" !! จากคนที่เกเร เป็นหัวโจกเรื่องชกต่อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เถียงแม่ค้า โดดเรียน หาดีแทบไม่ได้ กลายเป็นคนที่ใครก็รักและชื่นชม ผมขอกล่าวถึงน้องๆเพื่อนๆพี่ๆทุกๆคน ที่ยังคิดไม่ได้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ท้อถอย ท้อแท้ ยอมแพ้กับชีวิต อย่าปล่อยให้เวลามันสายไปเหมือนผม ถ้าหากแม่ผมไม่ฟื้นป่านนี้ไม่รู้ผมจะเป็นยังไงแล้ว ใครที่ยังเป็นแบบผมในสมัยก่อนขอพูดอะไรสักหน่อยนะครับ โตกันแล้วนะครับ สิ่งที่มันไม่ดีเมื่อรู้ว่าไม่ดีก็อย่าไปทำ ถ้าหากว่ามันสายเกินกว่าจะแก้ คุณก็จะไม่มีทางย้อนวันเวลาให้กลับมาได้หรอกนะครับ :) ขอขอบคุณ คุณแม่ที่ให้กำเนิดผมมา เลี้ยงดูและดูแลทุกอย่าง ขอขอบคุณ คุณป้าที่คอยให้คำปรึกษาและชี้แนะทุกๆอย่าง และขอขอบคุณคุฒหมอเพียม ที่ดูแลแม่ผมจนถึงทุกวัน คุณคือคนที่ผมจะเดินตาม. และขอบคุณผู้อ่านที่อ่านมาจนจบนะครับ บางคนอาจจะว่าผมว่าแต่งเรื่องก็ได้ เว่อร์ก็ได้ แต่ที่ผมเล่ามาทุกอย่างนั้น คือเรื่องจริงที่ผมประสบมาถึงทุกวันนี้.